News

นักลงทุนสัมพันธ์

 

STA ทำรายได้ Q3/65 เติบโต 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับยอดขายยางแท่งพุ่ง วางเป้าหมายเพิ่มปริมาณขายยางต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

Backพฤศจิกายน 09, 2565

บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (“STA” หรือ “บริษัทฯ”) ทำรายได้ไตรมาส 3/2565 ที่ 29,359 ล้านบาท เติบโต 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้และปริมาณการขายยางแท่งที่เพิ่มขึ้นตามแผนขยายกำลังการผลิตที่แล้วเสร็จ ในปีนี้ แม้ราคาขายเฉลี่ยถุงมือยางอยู่ในช่วงปรับสมดุลหลังสถานการณ์ COVID-19 ทยอยคลี่คลาย คาดแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาสสุดท้าย มีปริมาณขายยางแท่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจะได้รับปัจจัยหนุนจากซัพพลายในประเทศอินโดนีเซียที่ลดลง พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเป็น 3.34 ล้านตันในปี 2567 เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลก

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 มีรายได้เติบโตในระดับที่น่าพอใจ โดยทำรายได้จากการขายและบริการ 29,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงขึ้นกว่า 5.0% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้และปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ยางแท่งที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 1,156 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3,231 ล้านบาท เนื่องจากการปรับลดลงของราคาถุงมือยาง ตามความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางที่อยู่ในช่วงการปรับสมดุล หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายในหลายประเทศ

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำรายได้จากการขายและบริการ 85,332 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยของถุงมือยางที่ปรับตัวลดลงตามสภาวะตลาด ในขณะที่ปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ยางแท่งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นกว่า 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นตามแผนการลงทุนที่ทยอยแล้วเสร็จในปีนี้ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,807 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 14,233 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ถุงมือยางลดลง

“ภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติ สำหรับผลิตภัณฑ์ยางแท่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยางแท่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 65,439 บาทต่อตัน ส่วนการใช้น้ำยางข้นชะลอตัวลง ขณะที่ดีมานด์ในกลุ่มถุงมือยางอยู่ในช่วงการปรับสมดุล หลังจากมีซัพพลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา” นายวีรสิทธิ์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร STA กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/2565 คาดว่าจะมีปริมาณการขายยางแท่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตยางอย่างต่อเนื่องเป็น 3.34 ล้านตันต่อปีภายในปี 2567 จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.41 ล้านตันต่อปี เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรองรับการเคลื่อนย้ายดีมานด์บางส่วนจากอินโดนีเซีย ซึ่งประสบปัญหาของซัพพลายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากปัญหาโรคใบร่วงในต้นยาง อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์ราคาเฉลี่ยยางธรามชาติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากคาดว่าจะมีซัพพลายในประเทศไทยออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีปริมาณการขายยางธรรมชาติทุกประเภทรวม 1.55 ล้านตันในปีนี้ ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเดินหน้าลงทุนขยายกำลังการผลิตยางแท่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกและรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างแข็งแกร่ง