สารจากประธานกรรมการ

นักลงทุนสัมพันธ์

 

ปี 2565 เป็นปีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 เริ่มคลี่คลาย หลังจากที่โลกต้องเผชิญกับ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวอย่างรุนแรงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การดาเนินชีวิตของผู้คน ส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงัก ในขณะที่ปีนี้ ผู้คนสามารถปรับตัวและวิถีการดาเนินชีวิตประจำวันให้เข้ากับสถานการณ์ที่ยังคงมีเชื้อไวรัส Covid-19 ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่เริ่มกลับเข้า สู่สภาวะปกติ ทั้งยังส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต่าง ๆ เริ่มกลับมาเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงได้รับ ผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ อาทิ สงครามระหว่าง ประเทศรัสเซียและยูเครน ราคาพลังงาน และเงินเฟ้อที่ พุ่งสูงขึ้น รวมถึงมาตรการ Zero Covid ของประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริโภครายใหญ่ของโลก เป็นเหตุให้ สถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราต่างประเทศ

แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังไม่เอื้ออํานวยต่อการเติบโตของกิจกรรมทางธุรกิจ แต่ด้วยวิสัยทัศน์และความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทศรีตรังฯ ให้บริษัทฯยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ทั้งในด้าน กำลังการผลิตและปริมาณการขายยางธรรมชาติ ซึ่ง ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 13 และ 15 ตามล่าดับ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและยกระดับ อุตสาหกรรมยางพาราให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยบริษัทฯ ได้นําเทคโนโลยี Automation เข้ามาช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต รวมถึงพัฒนา แอปพลิเคชัน Sri Trang Friends และ Sri Trang Friends Station เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงเกษตรกรชาวสวนยางในการจัดซื้อวัตถุดิบยางดร. ธรรมชาติและเพิ่ม Traceability ให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกร ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน วัตถุดิบยางธรรมชาติของบริษัทฯ ได้ทำการจัดซื้อผ่านทาง แอปพลิเคชันนี้เป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 100

ช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันเพิ่มเติม ได้แก่ Sri Trang Friends Station เพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่กลุ่ม ผู้ค้ายาง ทั้งยังเสริมบริการ Super Driver เพื่อช่วยอํานวยความ สะดวกให้กับเกษตรกรที่มีข้อจำกัดด้านระยะทางในการเดินทางมาขายวัตถุดิบยางธรรมชาติให้กับบริษัทฯ จากความสำเร็จดังกล่าว ในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการสร้าง Ecosystem ให้กับอุตสาหกรรม ยางธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคดิจิทัล



กลุ่มบริษัทศรีตรังฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและตอกย้ำความเป็น ผู้นําอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของโลก ด้วย ปริมาณขายยางธรรมชาติกว่า 1.5 ล้านตันในปี 2565 ทั้งยัง มีแผนการขยายโรงงานเพื่อมุ่งสู่กำลังการผลิตที่ 3.98 ล้านตันต่อปี เตรียมพร้อมรองรับเป้าหมายปริมาณการขายยาง ธรรมชาติที่ 2 ล้านตันในปีนี้ ในส่วนของธุรกิจถุงมือยาง ซึ่งเรา ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนําของโลกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 30 ปี ยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติ โดยทาง บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุม ต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งรวมถึงความได้เปรียบทางการแข่งขันในหลากหลายด้าน ของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างแน่นอน

นอกเหนือจากการเติบโตทางธุรกิจ ทางบริษัทฯ ยังคงตระหนักและให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านธรรมาภิบาล หรือ ESG โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • สิ่งแวดล้อม: บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการเพื่อลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกหลายโครงการ อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคาและแบบลอยน้ำและสวนยางพาราของบริษัทฯ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC กว่า 28,000 ไร่
  • สังคม: บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ ของพนักงาน อาทิ การให้โอกาสการทำงานสำหรับคนพิการทั้งยังบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
  • ธรรมภิบาล: บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส โดยได้รับการรับรองจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การได้รับการ คัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืน (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 การได้รับ คัดเลือกเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) รวมถึงได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) จากสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)

แม้ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย ในการดำเนินธุรกิจ แต่ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ของบริษัทฯ กว่า 35 ปี ทำให้บริษัทฯ สามารถก้าวผ่านอุปสรรค พร้อมทั้งพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในทุกมิติ

ในนามของประธานกรรมการ ผมขอขอบคุณความร่วมมือร่วมใจของพนักงานและผู้บริหารที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลัง รวมถึง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมา โดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่าง เต็มที่จากทุกฝ่ายในปีต่อ ๆ ไป เพื่อผลักดันให้กลุ่มบริษัทศรีตรังฯ และอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกัน


ดร. ไวยวุฒิ สินเจริญกุล
ประธานกรรมการ
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)